สาระเรื่องรถ - ระบบปรับอากาศในรถ

ไส้กรองแอร์ ชิ้นส่วนที่มีความสำคัญกับหลายๆ ส่วนของรถยนต์ ทั้งระบบแอร์ เครื่องยนต์ รวมถึงสุขภาพของคุณอีกด้วย

อากาศหน้าร้อนและฝุ่น PM 2.5 ต่างทำให้แอร์รถยนต์ทำงานหนัก เพื่อรับมือกับหน้าร้อนนี้ มิสเตอร์ บี-ควิกมี 4 เคล็ด(ไม่)ลับ การเตรียมแอร์รถยนต์ให้พร้อมรับหน้าร้อนและฝุ่น PM 2.5 ให้การขับขี่ของคุณปลอดภัย ไร้กังวล

สำหรับรถยนต์ที่ใช้งานในเมืองไทยซึ่งมีอากาศร้อนเป็นส่วนใหญ่ แอร์รถยนต์ถือว่าเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว ผู้ใช้รถยนต์จึงควรหมั่นดูแลรักษาแอร์รถยนต์อย่างถูกวิธี เพื่อให้แอร์รถยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานยาวนาน บี-ควิกขอเสนอการดูแลแอร์รถยนต์ง่ายๆ ทำได้เอง ดังนี้เปิดแอร์ให้ถูกวิธีหลังจากสตาร์ทรถแล้ว ควรเปิดพัดลมเพื่อไล่ความชื้นและลมร้อนที่อยู่ในรถและช่องแอร์ออกก่อน แล้วค่อยเปิดปุ่มปรับอากาศ หรือปุ่ม A/C โดยไม่ควรตั้งอุณหภูมิเย็นเกินไป เพราะจะทำให้แอร์ทำงานหนัก และอาจทำให้แอร์เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรหมั่นคอยดูดฝุ่นในรถเป็นประจำการดูดฝุ่นในรถเป็นประจำ สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่ฝุ่นจะเข้าไปอุดตันระบบแอร์ นอกจากนี้ยังช่วยลดฝุ่นละอองภายในห้องโดยสารอีกด้วยระวังการใช้น้ำหอมและสเปรย์ปรับอากาศในรถไอระเหยของส่วนผสมที่มาจากน้ำหอมหรือสเปรย์ปรับอากาศ ที่ถูกใช้ในรถจะถูกดูดเข้าไปในระบบแอร์ การสะสมของสารระเหยเหล่านี้เมื่อผสมกับฝุ่นละอองต่างๆ จะทำให้กรองอากาศแอร์อุดตัน และทำให้ระบบแอร์มีปัญหาตามมาได้ควรเปลี่ยนกรองอากาศแอร์ตามระยะกรองอากาศแอร์ควรได้รับการตรวจเช็กและทำความสะอาด ทุกๆ 2,000 – 5,000 กิโลเมตร และเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ โดยทั่วไปควรเปลี่ยนกรองแอร์ทุกๆ 20,000 กิโลเมตร เพื่อยืดอายุระบบแอร์และสุขภาพทางเดินหายใจที่ดีของผู้ใช้รถอีกด้วยตรวจเช็กระบบแอร์และน้ำยาแอร์ ระบบแอร์ควรได้รับการเช็ก ทุกๆ 20,000 กิโลเมตร นอกจากจะเป็นการเช็กสุขภาพโดยรวมของระบบแอร์แล้ว ยังเป็นการตรวจเช็กระดับน้ำยาแอร์รถยนต์ และสังเกตว่ามีรอยรั่วในระบบแอร์หรือไม่เมื่อพบเสียงดังผิดปกติจากในห้องเครื่อง ควรปิดแอร์ทันที ในกรณีที่พบว่าแอร์มีเสียงดังผิดปกติ จากในห้องเครื่องขณะที่เปิดใช้งานระบบแอร์อยู่ ควรรีบปิดแอร์ทันที และนำรถเข้าเช็กที่ศูนย์บริการ เพื่อป้องกันไม่ให้คอมเพรสเซอร์เสียหายหนักขึ้น

ระบบแอร์รถยนต์ประกอบไปด้วยหลายส่วน เมื่อระบบแอร์รถยนต์เกิดปัญหา ผู้ใช้รถยนต์ควรนำรถยนต์ไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทันที โดยสามารถสังเกตอาการได้จาก 4 สัญญาณเตือนว่าระบบแอร์กำลังมีปัญหาดังนี้1.อาการแอร์ไม่เย็นฉ่ำเหมือนปกติสาเหตุเบื้องต้น คือ น้ำยาแอร์รั่วหรือต่ำกว่าระดับที่ควรจะเป็น โดยจะมีอาการแอร์ไม่เย็นฉ่ำเหมือนเคย หลังจากนั้นภายใน 10-15 วันของการใช้รถ น้ำยาแอร์จะรั่วออกหมด จนแอร์มีแต่ลมในที่สุด2.อาการแอร์รถไม่เย็นเมื่อจอดนิ่ง แต่เย็นเป็นปกติเมื่อรถวิ่ง แอร์รถไม่เย็นอาจมาจากปัญหาการทำงานของพัดลมเครื่องยนต์ หรือเกิดการอุดตันของแผงคอยล์ร้อนที่ทำหน้าที่ระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ที่ออกมาจากคอมเพรสเซอร์แอร์ สามารถแก้ไขอาการได้ด้วยการทำความสะอาดแผงคอยล์ เพื่อให้สามารถระบายความร้อนจากน้ำยาแอร์ได้ดีขึ้น3.แอร์มีเสียงดังอาการแอร์เสียงดัง มีแหล่งต้นเหตุของอาการ 2 แหล่งหลักๆ นั่นคือในห้องโดยสาร และ ภายในห้องเครื่อง ในกรณีที่เสียงดังมาจากในห้องโดยสาร อาจเกิดจากเศษขยะหรือใบไม้เข้าไปติดในใบพัดลมแอร์4.แอร์มีกลิ่นเหม็นอับอาการกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆจากแอร์ สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้4.1 กลิ่นเหม็นอับจากฝุ่นและสิ่งสกปรก สามารถแก้ไขได้โดยการทำความสะอาดกรองอากาศแอร์ทุกๆ 20,000 กิโลเมตรหรือ 1 ปี4.2กลิ่นเหม็นอับจากความชื้น และสิ่งสกปรกที่เกาะสะสมอยู่ที่แผงคอยล์เย็น ส่งผลให้เกิดเชื้อรา สามารถแก้ไขได้โดยการล้างคอยล์แอร์ และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมปรับอากาศ นอกจากนี้ก่อนจอดรถประมาณ 5 นาที ควรปิดปุ่ม A/C และเปิดพัดลมแรงๆ เพื่อไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็น

เพื่อให้ระบบแอร์ของรถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยืนยาว ระบบแอร์จึงควรได้รับการตรวจเช็กสภาพ และบำรุงรักษาอยู่เสมอ การฟลัชชิ่งระบบแอร์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริการที่สำคัญ ที่ผู้ใช้รถมากมายต่างมีคำถามว่าจำเป็นหรือไม่ และมีประโยชน์ต่อระบบแอร์รถยนต์อย่างไรฟลัชชิ่งระบ บแอร์คืออะไรการฟลัชชิ่งระบบแอร์ (Flushing) คือ การดูดน้ำยาคอมเพรสเซอร์ และน้ำยาแอร์เก่าออก แล้วเติมน้ำยาใหม่เข้าไปในปริมาณที่เหมาะสม โดยไม่ต้องรื้อตู้แอร์หรือคอนโซลนอกจากนี้ การบริการฟลัชชิ่งจะมาพร้อมกับการเปลี่ยนไดเออร์ ซึ่งมีหน้าที่กรองสิ่งสกปรกและดูดซับความชื้น ในขณะที่น้ำยาแอร์เปลี่ยนสถานะ และเปลี่ยนโอริง ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวซีลกันการรั่วซึมการฟลัชชิ่งระบบแอร์ใช้เครื่องระบบสูญญากาศ ซึ่งเป็นระบบการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาแอร์ที่ทันสมัยที่สุด สามารถขจัดความชื้นในระบบแอร์ได้ถึง 90% ทำให้ไม่มีความชื้นค้างในระบบ ช่วยให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพระบบฟลัชชิ่ง จำเป็นอย่างไรกับระบบแอร์การฟลัชชิ่งแอร์ ถือว่าเป็นวิธีการเปลี่ยนถ่าย และเติมน้ำยาคอมเพรสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพ เพราะการใช้เครื่องฟลัชชิ่งทำให้มั่นใจได้ว่าได้มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาคอมเพรสเซอร์เก่า ซึ่งอาจมีความชื้นและเศษสิ่งสกปรกผสมอยู่ และเติมน้ำยาคอมเพรสเซอร์เข้าไปใหม่ในปริมาณที่เหมาะสมกับ spec ของรถยนต์คันนั้นๆ พร้อมกับการขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันภายในระบบท่อทางเดินต่างๆ รวมถึงขจัดความชื้นที่อยู่ในระบบซึ่งการฟลัชชิ่งยังช่วยยืดอายุการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์อีกด้วยการฟลัชชิ่งแอร์ ถือว่าเป็นวิธีการเปลี่ยนถ่าย และเติมน้ำยาคอมเพรสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพ เพราะการใช้เครื่องฟลัชชิ่งทำให้มั่นใจได้ว่าได้มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาคอมเพรสเซอร์เก่า ซึ่งอาจมีความชื้นและเศษสิ่งสกปรกผสมอยู่ และเติมน้ำยาคอมเพรสเซอร์เข้าไปใหม่ในปริมาณที่เหมาะสมกับ spec ของรถยนต์คันนั้นๆ พร้อมกับการขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันภายในระบบท่อทางเดินต่างๆ รวมถึงขจัดความชื้นที่อยู่ในระบบซึ่งการฟลัชชิ่งยังช่วยยืดอายุการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์อีกด้วย
