สาระเรื่องรถ - โช้คอัพและระบบกันสะเทือน Page2

เพราะระบบช่วงล่างของรถยนต์นั้นถือได้ว่าเป็นระบบที่ทำงานค่อนข้างหนัก เมื่อเทียบกับระบบอื่นๆ ทั้งรองรับแรงกระแทกแรงสั่นสะเทือนจากหลุม บ่อ คอสะพาน บนถนน ช่วยทำให้การขับขี่นุ่มนวลและช่วยทำให้เราควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ จึงควรหมั่นตรวจเช็กโช้คอัพอยู่เสมอว่ายังใช้งานได้ดีอยู่หรือไม่ ด้วยวิธีการง่ายๆที่ทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้1.ตรวจสอบการคืนตัวของโช้คอัพ เราสามารถตรวจสอบการคืนตัวของโช้คอัพได้ง่ายๆ เพียงใช้มือกดรถยนต์บริเวณมุมที่ต้องการทดสอบ ออกแรงกดสัก 5 ครั้ง เพื่อสังเกตการคืนตัวของรถ หากรถมีการคืนตัวที่ค่อนข้างไวแสดงว่าโช้คอัพยังปกติอยู่2. ตรวจสอบรอยรั่วบริเวณซีลโช้คอัพ สังเกตรอยรั่วของน้ำมันบริเวณข้อต่อต่างๆ หากพบคราบน้ำมันไหลออกมาบริเวณกระบอก ก็มีโอกาสที่กระบอกจะรั่วได้ ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพการทำงาน ลดลงไป เพราะน้ำมันที่ช่วยสร้างความนุ่มนวลพร่องไปจากเดิม3.สังเกตรูปทรงของโช้คอัพ โดยปกติโช้คอัพจะมีรูปทรงกระบอกแบบสมมาตร แต่ถ้ามองด้วยตาเปล่าแล้วรูปทรงผิดเพี้ยนไป อาจเกิดจากการได้รับแรงกระแทกหนักๆ จนทำให้โช้คอัพผิดรูปทรง การเปลี่ยนใหม่อาจจะเป็นทางเลือกแรกๆ ของปัญหานี้ครับ4.ดอกยางที่ล้อข้างใดข้างหนึ่งสึกผิดปกติ เช็กหน้ายาง ว่าดอกยางด้านใดมีอาการสึกผิดปกติหรือไม่ หากสังเกตพบร่องรอยการสึกที่ไม่สม่ำเสมอจากล้อข้างที่สงสัย อาจหมายความว่า โช้คอัพข้างนั้นๆของคุณน่าจะมีปัญหา5. สังเกตอาการของรถขณะออกตัวและเบรก สังเกตเมื่อรถออกตัวและเบรกขณะขับขี่ด้วยความเร็วปกติ หากพบว่าในห้องโดยสารมีการสั่นสะเทือนมากกว่าปกติหรือเวลาขับรถขึ้นเนินหรือลูกระนาดจะพบว่ามีการกระเด้งขึ้น-ลง จนรู้สึกได้ว่าไม่นิ่มนวลอย่างที่ควรเป็น แสดงว่าโช้คอัพน่าจะมีปัญหา6.รถมีอาการเหิน-ร่อน ขณะขับรถด้วยความเร็ว รู้สึกว่ารถมีอาการร่อนไม่เกาะถนน อาจเกิดจากโช้คอัพบางตัวมีการชำรุดจนไม่สามารถควบคุมสมดุลของรถ ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย ควรรีบนำรถไปตรวจเช็กเพื่อหาสาเหตุของอาการผิดปกตินี้

อายุการใช้งานของโช้คจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ การใช้งานรถยนต์ รวมถึงสภาพของถนน เพื่อเป็นการถนอมโช้คอัพให้สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างยาวนานจึงควรหลีกเลี่ยง 3 พฤติกรรมอันตรายที่สามารถทำให้โช้คอัพเสียหายได้ ดังนี้1.ไม่ชะลอขณะขับผ่านถนนขรุขระและเป็นหลุมลึก การกระแทกอย่างรุนแรงขณะขับบนถนนที่ขรุขระหรือเป็นหลุมลึก อาจทำให้โช้คอัพรถยนต์แตกและทำให้น้ำมันโช้ครั่วซึมได้ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของโช้คอัพในการควบคุมการยุบและเด้งของสปริงลดลงได้ เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการขับขี่บนพื้นถนนที่ขรุขระหรือเป็นหลุมลึก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรขับรถอย่างระมัดระวัง และชะลอในขณะที่ต้องขับผ่านหลุมลึก2.บรรทุกน้ำหนักมากเกินไปการขับรถผ่านถนนที่ไม่เรียบ หรือ การบรรทุกน้ำหนัก ทำให้เกิดการยุบและเด้งตัวของสปริง ซึ่งโช้คอัพเข้ามามีหน้าที่หน่วงเหนียวการยุบเด้งนี้เพื่อให้การขับขี่นุ่มนวลเมื่อรถยนต์ต้องบรรทุกน้ำหนักมากเกินกว่าที่เหมาะสมกับโช้คอัพที่ติดตั้ง โดยเฉพาะการบรรทุกน้ำหนักเกินเป็นเวลานาน ทำให้โช้คอัพต้องทำงานหนักเกินกว่าที่ควรจะเป็น จึงเสียหายเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ3. ขาดการดูแลโช้คอัพและอุปกรณ์ส่วนอื่นๆการขับขี่บนบนทางที่ไม่ได้ลาดยางหรือทำถนน มีฝุ่นคลุ้ง บ่อยๆหรือเป็นเวลานาน มีโอกาสที่ฝุ่นคลุ้งจากทางถนนจะเข้ามาติดอยู่ที่บริเวณซีลของโช้คอัพทำให้โช้คอัพเสียหายเกิดการรั่วซึมของน้ำมันโช้คได้ ควรหมั่นตรวจเช็กความพร้อมใช้งานของโช้คอัพ และส่วนควบอื่นๆ โดยเฉพาะบริเวณยางกันฝุ่น เพราะหากยางกันฝุ่นขาด เศษฝุ่น ดิน โคลน อาจเข้าไปเกาะตามแกนโช้ค และจังหวะที่โช้คอัพยุบตัว เศษโคลนที่แข็งตัวจะไปบาดบริเวณซีลโช้คอัพ อาจทำให้โช้คอัพรั่วได้ การดูแลเบื้องต้น คือ เวลาล้างรถ ควรใช้น้ำ ฉีดทำความสะอาด บริเวณโช้คอัพ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อาจไปทำให้ซีลโช้คอัพเกิดความเสียหายได้โช้คอัพเป็นชิ้นส่วนของรถยนต์ที่มีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้โช้คอัพเสียหายเร็ว เพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยและไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้และสังเกตว่าโช้คอัพผิดปกติ สามารถนำโช้คอัพเข้าไปตรวจเช็กฟรีได้ที่ศูนย์บริการรถยนต์ บี-ควิก ทุกสาขา ทั่วประเทศ โดยทั่วไปควรตรวจเช็กโช้คอัพทุก 20,000 กิโลเมตร เพื่อให้มั่นใจว่าโช้คอัพยังทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

การมีเสียงรบกวนขณะขับขี่นั้น สาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากความผิดปกติของช่วงล่างรถยนต์ ซึ่งการตรวจเช็กส่วนมากมักจะนำรถเข้าไปให้เจ้าหน้าที่ ที่ศูนย์บริการทำการตรวจเช็กให้ แต่เสียงที่เกิดขึ้นบางเสียงเราสามารถที่จะรู้สาเหตุเบื้องต้นได้ก่อนดังนี้1.เสียงก๊อกแก๊กขณะลดความเร็ว เมื่อเราเบรกรถ น้ำหนักรถทั้งหมดจะถูกเทมาบริเวณด้านหน้าของตัวรถ ซึ่งสาเหตุของเสียงส่วนใหญ่จะมาจากโช้คอัพหน้า ในกรณีนี้สิ่งที่ควรทำอันดับแรกคือการเช็กว่ามีน้ำมันรั่วซึมหรือไม่ หากโช้คอัพรั่วจะทำให้เกิดการฝืดของลูกสูบจนเกิดเสียงได้ อีกสาเหตุหนึ่งที่เกิดเสียงก๊อกแก๊กขึ้นได้ขณะเบรกคือผ้าเบรกอาจมีปัญหา2.เสียงดังตรงช่วงล้อเมื่อขึ้นเนินหรือตกหลุม อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่พบบ่อยคือลูกหมากต่างๆที่เป็นข้อต่อ (joint) ซึ่งอาจให้เกิดเสียงขณะขึ้นเนินหรือตกหลุมได้ อีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากโช้คอัพ มีความผิดปกติที่ไม่สามารถรับแรงกระแทกได้ แนะนำให้นำรถเข้าศูนย์บริการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ3.เสียงดังเมื่อเลี้ยวรถ คือ สัญญาณ่บงบอกว่าระบบช่วงล่างชองรถมีปัญหา โดยส่วนมากจะเกิดจากการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนต่างเริ่มหลวม เช่น แร็กพวงมาลัย, บูชปีกนกรวมไปถึงเบ้าโช้คอัพ จำควรนำรถเข้าไปตรวจเช็ก เพราะหากปล่อยเอาไว้อาจส่งผลเสียต่อส่วนอื่นๆได้4.มีเสียงดังกึกๆบริเวณโช้คอัพ เวลาขับผ่านทางขรุขระ อาจเกิดจากวาล์วโช้คอัพแตก บูชหลวม หรือน็อตโช้ตอัพหลวม ควรนำรถเข้าไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจเช็กเพื่อหาสาเหตุอีกครั้ง
