สาระเรื่องรถ - ระบบปัดน้ำฝน

การเตรียมตัวรับมือหน้าฝนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ เพราะในช่วงฝนตกหนัก ทำให้ถนนลื่นหรือน้ำท่วมได้ ทั้ง 2 อย่างนี้ล้วนเพิ่มความเสี่ยงของอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ เพราะฉะนั้นผู้ขับขี่รถยนต์ ควรเตรียมตัวพร้อมรับมือหน้าฝน ด้วยการเตรียมสิ่งของจำเป็นต่างๆไว้ในรถ และเตรียมตัวเรียนรู้การขับรถยนต์ในหน้าฝนอย่างถูกวิธี ไม่ให้กระทบต่อเครื่องยนต์และรถยนต์คันอื่นบนถนน

ในช่วงฤดูฝน น้ำท่วมขังเป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ มิสเตอร์บี-ควิกขอเสนอ 5 ข้อง่ายๆ ให้ผู้ขับขี่สามารถขับรถลุยน้ำท่วมขังได้อย่างปลอดภัย

ใบปัดน้ำฝน จัดว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญของรถยนต์โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน เพราะใบปัดน้ำฝนช่วยให้มองเห็นทางได้อย่างชัดเจน และทำให้คุณเดินทางได้อย่างปลอดภัย ใบปัดน้ำฝนมีหลายประเภทให้เลือก และแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกันไป โดยรถยนต์แต่ละรุ่นใช้ใบปัดน้ำฝนในขนาดที่แตกต่างกันไปการทำงานของใบปัดน้ำฝน ใบปัดน้ำฝนทำหน้าที่ปัดน้ำ เศษใบไม้ เศษดินโคลน และฝุ่นละอองต่างๆ โดยใบปัดน้ำฝนจะทำงานร่วมกับระบบน้ำฉีดล้างกระจกรถยนต์ที่ฉีดน้ำ ช่วยชะล้างทำความสะอาดกระจกบังลมส่วนประกอบของใบปัดน้ำฝน ประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ 1. แผ่นยาง ทำหน้าที่กวาดผิวหน้ากระจก2. ชุดสปริงแผ่น หรือ แหนบ ทำหน้าที่กดให้แผ่นยางแนบสนิทกับผิวกระจก 3. ก้านใบ (โครง) ทำหน้าที่ยึดและติดตั้งแผ่นยาง4. ตัวล็อก ทำให้หน้ายึดใบปัดน้ำฝนกับแขนปัดน้ำฝน1. ใบปัดน้ำฝนแบบมีโครงเหล็ก เป็นประเภทของใบปัดน้ำฝนที่ใช้กันมานาน ลักษณะเด่น คือ มีโครงเหล็กแขนใบปัด ยึดคู่กับตัวแผ่นยาง ข้อดีของใบปัดน้ำฝนประเภทนี้ คือ มีความทนทานสูง ในขณะเดียวกันประสิทธิภาพการปัดน้ำฝนจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของแผ่นยาง รวมไปถึงจำนวนจุดข้อต่อบนแขนใบปัด ยิ่งมีจุดข้อต่อแขนมาก ยิ่งสามารถกระจายแรงกดได้มาก ทำให้มีประสิทธิภาพการปัดน้ำได้ดี2.ใบปัดน้ำฝนแบบซ่อนแขนใบปัด ใบปัดน้ำฝนประเภทนี้ยังคงมีแขนใบพัด (โครงเหล็ก) เหมือนแบบแรก แต่ถูกออกแบบเพิ่มเติมให้มีที่ครอบแขนใบปัด เพื่อเพิ่มความสวยงาม แต่ยังคงประสิทธิภาพในการปัดน้ำฝนได้ดี ออกแบบให้มีโครงเหล็กพร้อมที่ครอบแขนใบปัดเพื่อเพิ่มความสวยงามและประสิทธิภาพในการปัดน้ำที่ดี ใบปัดน้ำฝนประเภทนี้ไม่มีแขนใบปัดถูกออกแบบให้มีแกนเหล็กติดอยู่กับตัวแผ่นยาง เพื่อให้กระจายน้ำหนักได้ดี และมีดีไซน์ที่สวยงามอีกด้วย3.ใบปัดน้ำฝนแบบไร้โครงเหล็ก ใบปัดน้ำฝนประเภทนี้ไม่มีแขนใบปัด โดยถูกออกแบบให้มีแกนเหล็กติดอยู่กับตัวแผ่นยาง มีการกระจายน้ำหนักใน การปัดได้เท่ากันทั่วทั้งใบปัดมีคุณสมบัติในการปัดน้ำฝนได้ดี มีน้ำหนักเบา และลดพื้นที่ต้านลมทำให้ใช้งานได้ดีขณะขับรถด้วยความเร็วสูง และยังมีดีไซน์ที่สวยงามอีกด้วย

ปกติแล้วใบปัดน้ำฝน มีอายุการใช้งานประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลและใช้งาน ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพอาจส่งผลเสียต่อชิ้นส่วนอื่นๆได้ เช่น ทำให้กระจกหน้ารถเป็นรอย หรือส่งผลทำให้ทัศนวิสัยการขับขี่แย่ลง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร ดังนั้นเราควรหมั่นตรวจสอบ ว่าใบปัดน้ำฝนยังสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีหรือไม่?1.การเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน โดยปกตินั้น ใบปัดน้ำฝนมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งเราสามารถเช็กสภาพยางใบปัดน้ำฝนแบบง่ายๆ ด้วยการสัมผัส ยางของใบปัดน้ำฝนดูว่า มีความแห้งเป็นขุย หรือทดลองเอาเล็บกดลงไปที่ยางของใบปัด หากเกิดรอยหรือเนื้อยางไม่คืนรูป แสดงว่าถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนแล้ว2. ความร้อนจากแสงแดด แม้ว่าใบปัดน้ำฝนนั้นอาจจะไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเป็นประจำ แต่ก็มีโอกาสชำรุดหรือเสื่อมสภาพได้ หากมีการจอดรถตากแดดนานๆ หรือเป็นประจำซึ่งจะทำให้ยางใบปัดน้ำฝนกรอบ ขาดความยืดหยุ่น จากการที่แผ่นยางของใบปัดน้ำฝนแนบกับกระจกที่สะสมความร้อนจากแสงแดด ดังนั้น หากเลือกได้ควรเลือกจอดรถในร่มจะดีกว่า3. สิ่งสกปรกหรือฝุ่น หากใบปัดน้ำฝนถูกใช้งานมานานและไม่ได้รับการทำความสะอาด อาจมีฝุ่นหรือเศษสิ่งสกปรกที่เกาะติดอยู่ที่ใบปัดน้ำฝน ซึ่งทำให้ใบปัดน้ำฝนสึกหรอได้จึงควรหมั่นทำความสะอาดใบปัดน้ำฝนและกระจกหน้ารถอย่างสม่ำเสมอ ด้วยผ้าและน้ำยาล้างกระจก เพื่อขจัดฝุ่นละอองและคราบสิ่งสกปรก4. ใช้น้ำยาที่ผสมแอลกฮอล์เช็ดทำความสะอาด ใบปัดน้ำฝนผลิตมาจากเนื้อยางที่แตกต่างกัน การใช้น้ำยาที่ผสมแอลกอฮอล์ทำความสะอาดใบปัดน้ำฝน อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อยางใบปัดน้ำฝน และทำให้ยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพได้อาการของใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ1. ปัดกระจกแล้วไม่สะอาด มีละอองน้ำเป็นเส้นสันครึ่งวงกลม หรือเป็นม่านบนกระจก และขุ่นมัว แสดงว่ายางปัดน้ำฝนไม่สามารถรีดน้ำบนกระจกได้ดีเท่าที่ควร เกิดจากเนื้อแผ่นยางของใบปัดน้ำฝนแข็งกรอบ โดยปกติแผ่นยางปัดน้ำฝนจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี หากเกิดอาการดังกล่าว แสดงว่าใบปัดนั้นเสื่อมสภาพแล้วควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนใหม่โดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยและทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่อีกด้วย2. ปัดกระจกแล้วมีเสียงดัง หรือกระตุกขณะปัด เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบบ่อย ซึ่งอาการนี้อาจเกิดการความล้าของชุดสปริงที่ทำหน้าที่กดให้แผ่นยางแนบสนิทกับผิวกระจก โดยอาการสปริงล้านั้นเกิดจากการยกก้านใบปัดน้ำฝนทิ้งไว้นานเกินไป

หลายคนคงสงสัยว่าการยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นเวลาจอดรถกลางแดดนั้นสามารถช่วยยืดอายุใบปัดน้ำฝนได้จริงหรือไม่? การยกใบปัดน้ำฝนนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนความร้อนจากกระจกในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดได้ แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้ว การยกก้านปัดน้ำฝนนั้นแทบจะไม่ส่งผลต่ออายุของยางใบปัดน้ำฝนเลย แถมยังส่งผลให้ ก้านสปริงที่ทำหน้าที่กดให้แผ่นยางแนบสนิทกับผิวกระจกเกิดอาการล้า ซึ่งสิ่งที่จะตามมาคือ แรงกดของใบปัดน้ำฝนบนกระจกลดลง ทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมการปัดน้ำฝนลดลง ไม่สามารถปัดน้ำฝนให้เกลี้ยง หรือเกิดเสียงและอาการกระตุกขณะปัดน้ำฝนได้หากต้องการยืดอายุใบปัดน้ำฝน ควรหมั่นใส่ใจดูแลทำความสะอาดอย่างถูกวิธี ง่ายๆดังนี้1.ควรเลือกจอดรถในร่ม เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนที่ส่งผลต่อยางใบปัดน้ำฝน อาจทำให้ยางเสียรูปทรงหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ทำให้ประสิทธิภาพของการปัดน้ำฝนลดลงอีกด้วย2. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาล้างรถยนต์ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่นๆในการทำความละอาดใบปัดน้ำฝน เพราะในน้ำยาอาจมีสารบางชนิดที่ลดประสิทธิภาพของสารเคลือบยางใบปัดน้ำฝน3. หลีกเลี่ยงการใช้ใบปัดน้ำฝนโดยไม่ฉีดน้ำช่วย เพราะใบปัดน้ำฝนนั้นถูกออกแบบมาให้ใช้ร่วมกับพื้นผิวที่เปียก การใช้ใบปัดบนพื้นผิวที่แห้งบ่อยๆอาจทำให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็วได้ แนะนำเปิดใช้งานใบปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจกอย่างสม่ำเสมอก่อนออกเดินทาง เพื่อช่วยให้ยางใบปัดน้ำฝน คงสภาพการใช้งานไม่แห้งแตก เสมือนได้ใช้งานอยู่เป็นประจำ4. หมั่นความสะอาดใบปัดน้ำฝน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง วิธีง่ายๆคือ ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น ใช้ผ้าชุดน้ำสะอาดบิดหมาด เช็ดรูดตามทางยาวในทิศทางเดียว และสังเกตหาร่องรอยความเสียหาย และเช็กสภาพของยางปัดน้ำฝนว่ามีอาการแข็งกระด้างหรือไม่ เพราะหากยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ นอกจากจะปัดได้ไม่สะอาดและเกิดเสียงดังแล้ว อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนกระจกได้อีกด้วย5. หมั่นทำความสะอาดกระจกบังลม จากคราบฝุ่นละอองและคราบน้ำมันด้วยน้ำยาสำหรับการเช็ดกระจกโดยเฉพาะ การใช้น้ำยาทำความสะอาดกระจกผิดประเภทอาจทำให้กระจกและใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพได้6. โดยเฉลี่ยแล้วใบปัดน้ำในมีอายุการใช้งาน ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ควรหมั่นตรวจเช็กสภาพความพร้อมใช้งานของใบปัดน้ำฝนอยู่เสมอ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย
